รีไฟแนนซ์บ้าน 2567: รีไฟแนนซ์บ้าน ผ่านแน่ แค่ทำแบบนี้!สำหรับ การรีไฟแนนซ์บ้าน ก็เปรียบเสมือนการขอสินเชื่อบ้านใหม่ เพราะนอกจากจะต้องเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายๆ ธนาคารเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดแล้ว ยังต้องเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นความยุ่งยาก และมีโอกาสจะขอสินเชื่อไม่ผ่านด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ แต่...เราจะยอมเสียดอกเบี้ยบ้านแพงๆ ไปทำไมกัน หากกู้ที่หนึ่งไม่ผ่าน เราก็สามารถยื่นขอสินเชื่อกับที่ใหม่ไปเรื่อยๆ โดยอาจหาสาเหตุว่าการที่เราขอสินเชื่อไม่ผ่านเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วค่อยๆ แก้ไขไป วันนี้เราจะมาบอกทริคในการขอ รีไฟแนนซ์บ้าน ถ้าทำได้แบบนี้ รับรองขอสินเชื่อผ่านแน่นอน…
1. ตรวจสอบรายได้ เช็กภาระหนี้สิน และประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง
การขอสินเชื่อไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อ รีไฟแนนซ์ ธนาคารจะใช้หลักฐานรายได้ประกอบการพิจารณา ว่าเราจะมีความสามารถในการผ่อนชำระได้ทุกเดือน ตลอดระยะสัญญากู้หรือไม่
ผู้กู้ ควรต้องมีรายได้ที่แน่นอน หรือหากมีรายได้เสริม ก็ควรมีหลักฐานรายได้ที่ชัดเจน เช่น กรณีเป็นพนักงานเงินเดือนนอกจากจะมีรายรับเข้าบัญชีเป็นประจำทุกเดือน และไม่ควรใช้เงินจนหมดบัญชี ส่วนกรณีที่เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ก็ควรนำเงินรายได้เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยช่วง 6 - 12 เดือนก่อนยื่นขอรีไฟแนนซ์
ธนาคารจะประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ โดยผู้กู้ ไม่ควรมีภาระหนี้เกิน 40% ของรายรับต่อเดือน โดยไม่นับรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
2. เคลียร์ภาระหนี้สินอื่นๆ
โดยพยายามชำระหนี้สินอื่นๆ ที่มีอยู่ให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุดก่อนที่จะยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ และควรหลีกเลี่ยงการกู้ยืมใหม่ในช่วงที่กำลังเตรียมการยื่นกู้ รวมถึงลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพราะการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงไป จะช่วยให้เรามีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ได้มากขึ้น ธนาคารก็อาจจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
3. จัดระเบียบการเดินบัญชีให้สวย และทำประวัติทางการเงินให้ดี
ปกติธนาคารใช้ Statement ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อด้วย ซึ่งก่อนที่เราจะยื่นกู้ประมาณ 3-6 เดือน ควรให้มีเงินคงเหลือติดบัญชีอย่างน้อย 500 -1,000 บาท ไม่ควรกดเงินออกมาทั้งหมดทันทีที่มีรายรับเข้าบัญชี และสร้างประวัติทางการเงินให้ดี อย่าปล่อยให้มีหนี้ค้างชำระ รวมถึงรักษาวินัยทางการเงินให้ดีพยายามอย่าให้เงินขาดบัญชี เพื่อเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือ
4. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
สำหรับเอกสารในการยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน ก็จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
เอกสารส่วนบุคคล เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน statement หรือหลักฐานการเสียภาษี
เอกสารหลักประกัน เช่น สัญญาเงินกู้ฉบับเดิม ใบเสร็จการชำระสินเชื่อกับธนาคารเดิม
5. เลือกธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม และโปรโมชันตรงใจ
ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์ ผู้กู้สามารถเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขสินเชื่อของหลายๆ ธนาคาร รวมถึงตรวจสอบโปรโมชัน และสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ธนาคารนำเสนอ ให้ได้ตามเงื่อนไขที่เราพึงพอใจ
ควรเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม อย่างน้อยประมาณ 2% หรืออาจจะเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยโดยคำนวณอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่น้อยลง เพื่อให้สามารถประหยัดเงินที่ต้องชำระค่าบ้านในแต่ละเดือนได้มากขึ้น
เลือกธนาคารที่มีโปรโมชันยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ร่วมด้วย ที่ต้องชำระก็จะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากขึ้น เช่น ยกเว้น ค่าธรรมเนียมประเมินหลักประกัน, ยกเว้น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินประเมิน เป็นต้น
สรุปแล้ว การรีไฟแนนซ์บ้าน ไม่ได้ยากอย่างที่หลายๆ คนคิด เพราะหากเรามีความพร้อม ทั้งเรื่องประวัติทางการเงิน เอกสารต่างๆ และเลือกธนาคารให้เหมาะสม การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านครั้งถัดไป ธนาคารก็จะอนุมัติง่าย ไม่ติดปัญหาอย่างแน่นอนค่ะ ที่สำคัญ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่ได้คิดจะรีไฟแนนซ์บ้านนะคะ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้าน ถือเป็นตัวช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้อย่างมากจริงๆ ค่ะ